บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่มักจะสร้างความฮือฮา ในตลาดซื้อขายได้มากที่สุด ทีมหนึ่งของประเทศไทย ด้วยการเสาะแสวงหา ลูกครึ่ง เชื้อสายไทยครึ่งหนึ่ง มาร่วมทัพอยู่เสมอ และล่าสุดก็ได้ตัว เดลวิน ปินไฮโร่ แบ๊คขวา ลูกครึ่ง ไทย- ฮอลแลนด์ เข้ามาอยู่ในทีมเป็นรายล่าสุด
แน่นอนนี่ไม่ใช่ลูกครึ่งคนแรก ที่อยู่ในรั้วของปราสาทสายฟ้า ก่อนหน้านี้ พวกเขาหานักเตะแนวนี้มาแล้วหลายต่อหลายคน เราจะไปเช็กฟอร์มกันว่า มีใครที่ซื้อแล้วเข้าเป้า และใครที่ซื้อแล้วไม่เปรี้ยงกันบ้าง และมาลุ้นกันว่า นักเตะใหม่ "เดลวิน ปินเฮโร่" จะไปได้ไกลไหม กับทีมอีสานใต้ในซีซั่นนี้
1. แอนโทนี่ อำไพพิทักษ์วงศ์
กองกลางลูกครึ่ง ไทย- อเมริกัน เขาหอบความหวังข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากอเมริกา ด้วยความที่อยากติดทีมชาติไทย ตามสายเลือดของคุณพ่อ โดยมี บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อ้าแขนรับไว้ ในปี 2012 ผลงานส่วนตัวของ แอนโทนี่ น่าพอใจ ในระดับหนึ่งกับ บุรีรัมย์ ก่อนที่จะถูก วินฟรีด เชเฟอร์ เรียกเข้าไปติดทีมชาติ แต่เส้นทางของเขากับทัพปราสาทสายฟ้า ก็แยกทางกัน ในปี 2013 โดยมีแข้งเทพ แบงค็อก ยูไนเต็ด อ้าแขนรับไว้ ตั้งแต่นั้นจนถึง ปัจจุบัน ,แอนโทนี่ ลงสนามให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 16 นัด จาก 1 ฤดูกาลครึ่ง ลงสนามให้ทีมชาติไทย 2 นัด
2. ชาริล ชัปปุยส์
ณ เวลานั้น ฮือฮา อย่างมาก กับการที่ ทีมปราสาทสายฟ้า ได้ชัปปุยส์ ที่พกดีกรี แชมป์โลกชุด ยู17 กับ สวิตเซอร์แลนด์ เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ กองกลางลูกครึ่งไทย-สวิส ออกสตาร์ตได้ดี และเป็นตัวหลัก ก่อนจะโดนอาการบาดเจ็บเล่นงาน จากการดีใจกระโดดหลังยิงประตูได้ ในศึกเอเอฟซี แชมป์เปี้ยนลีก ปี 2013 ทำให้ต้องพักไป 4 เดือน ก่อนจะกลับมาก็ไม่มีที่ว่างสำหรับเขาในทีมชุดใหญ่ แต่ ชัปปุยส์ ก็ยังดีพอ ที่จะติดทีมชาติไทย ชุด ซีเกมส์ 2013 ที่ เนปิดอว์ ก่อนจะคว้าเหรียญทองมาได้ หลังจากนั้น ชัปปุยส์ ก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติมาโดยตลอด โดยเฉพาะกับทีมชุดใหญ่ใน ซูซูกิ คัพ 2014 ที่คว้าแชมป์มาครองได้ แต่พอถึงกลาง ฤดูกาล 2015 ก็ถูกปล่อยตัวให้ สุพรรณบุรี เนื่องจาก ปัญหาอาการบาดเจ็บ ซึ่งชาริล ก็พักถึง1 ปี ก่อนจะกลับมาลงสนามได้ สุดท้าย ในปี 2017 เลก2 ก็ย้ายมาอยู่กับเมืองทอง ในที่สุด , ชัปปุยส์ ลงสนามให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 28 นัดตั้งแต่ปี 2013-2014 ยิงได้2 ประตู
3. เดนิส บุชเชนนิ่ง
กองหน้า ลูกครึ่งไทย เยอรมัน เข้ามา บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พร้อมกับ ชัปปุยส์ แต่การปรับตัว และฝีเท้าของเขา ยังไม่ดีพอ ทำให้ต้องขลุกอยู่กับทีมสำรอง เสียมากกว่า หนำซ้ำ ยังมีปัญหานอกสนามโดยเฉพาะการปรับตัว ทำให้ บุชเชนนิ่ง ไม่สามารถเรียกฟอร์มตัวเองออกมาได้ ก่อนที่จะอยู่กับ บุรีรัมย์ ได้แค่ครี่งฤดูกาล ก็ถูกปล่อยให้กับ บีอีซี เทโร ไปใช้งาน ซึ่งก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของ ฉายา จอมพเนจร เมื่อย้ายทีมอีกหลายที ทั้ง อาร์มี่,ราชนาวี, ก่อนที่ ณ เวลานี้ จะค้าแข้งใน ที2 กับ อ่างทอง เอฟซี , เดนิส บุชเชนนิ่ง ลงสนาม ให้บุรีรัมย์ 0 นัด 0ประตู
4. ชิตชนก ไชยแสนสุรินทร์
นุ้กเนย์มาร์ ลูกเสี้ยว ไทย- อิตาลี - สวิส - ลาว ย้ายมาอยู่กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถือว่าฮือฮา พอสมควร เพราะมาจาก ซามพ์โดเรีย ในฤดูกาล 2012 การมาของเขาถูกจับตามอง เพราะเป็นลูกครึ่งที่รูปร่างดี หน้าตาดี แถมแฟชั่นจ๋า แต่ด้วยความที่สนใจเรื่องนอกสนามมากกว่า ในสนาม และการปรับตัว รวมทั้งฝีเท้าไม่ได้เป็นแบบที่คิดไว้ ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จกับ บุรีรัมย์, ชิตชนก เคยถูกซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เรียกไปซ้อมกับทีมชุดยู 23 แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ติดทีมไปเล่นซีเกมส์ ที่เนปิดอว์ หลังจากนั้น บุรีรัมย์ ก็ปล่อยตัวเขา ย้ายมาอยู่กับ อริในลีกอย่าง เมืองทอง ซี่งก็เช่นเคย ไม่ประสบความสำเร็จเหมือนกัน และ ชีพจรก็ลงเท้า แต่เท้าของ ชิตชนก ก็ยังติดทองอยู่บ้าง เมื่อย้ายไปอยู่กับทีมใหญ่ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น บีอีซี เทโร, ปตท ระยอง และล่าสุดที่ สุพรรณบุรี เอฟซี , สำหรับ ชิตชนก ไชยแสนสุรินทร์ ลงสนามให้ บุรีรัมย์ 0 นัด ทำได้ 0 ประตู
5. เออร์เนสโต้ ภูมิภา
แบ็คซ้ายลูกครึ่ง ไทย-สเปน รายนี้ ตอนที่เข้ามาอยู่กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในปี 2013 ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นตัวแทนของ ธีราทร บุญมาทัน และทีมก็ต้องการสร้างการแข่งขันในตำแหน่งแบ็คซ้าย แต่ฝีเท้าของ เออร์เนสโต้ ในเวลานั้นยังไม่สามารถแย่งตัวจริงกับ ธีราทรได้ จากนั้นเมื่อเวลาได้รับโอกาสในการลงสนาม ในบอลถ้วย ก็ไม่สามารถทำได้อย่างที่ตั้งความหวังเอาไว้ ทำให้เพียงแค่1 ฤดูกาล ก็ถูกปล่อยตัวให้ อาร์มี ยูไนเต็ด เอาไปใช้งาน ก่อนที่จะย้ายต่อไปเป็นตัวหลักที่ แบงค็อก ยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 2016 จนถึง 2017 , เออร์เนสโต้ ภูมิภา ลงเล่นแค่บอลถ้วยให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 3 นัดเท่านั้น ขณะที่ บอลลีก ไม่เคยสัมผัสแม้แต่นาทีเดียว
6. อเล็กซานเดอร์ ซีคฮาร์ต
เพลย์เมกเกอร์ ลูกครึ่ง ไทย -เยอรมัน ย้ายมาจากทีมยักษ์ใหญ่ของโลก อย่าง บาเยิร์น มิวนิค ทำให้ทุกสื่อต่างจับตามอง การมาของ ซีคฮาร์ต แต่ด้วยอายุ และระบบการเล่นของทีม ที่ไม่เอื้ออำนวยกับ อดีตดาวรุ่ง บาเยิร์น รายนี้ ทำให้ โอกาส มักจะเป็นของ อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ และ สุภโชค สารชาติ เสียมากกว่า ซีคฮาร์ต ไม่มีทางเลือก จำต้องย้ายออกจากทัพปราสาทสายฟ้า ไปร่วมทีม เมืองหลวง อย่างแบงค็อก ยูไนเต็ด ในช่วงกลางปี 2016 ซึ่งฤดูกาล2017 นี้ เขาก็ยังไม่สามารถเบียดขึ้นมาเป็นตัวหลักได้เสียที แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยอายุ ที่ยังน้อยทำให้โอกาสยังมีมากพอสมควร ในการพัฒนา , อเล็กซานเดอร์ ซีคฮาร์ต ลงสนามให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทั้งสิ้น 12 นัด ยิงไม่ได้แม้แต่ประตูเดียว
7. นฤพล พุฒซ้อน
กองกลางตัวตัดเกม ลูกครึ่ง ไทย-เวลส์ ย้ายมาอยู่กับ บุรีรัมย์ ด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยมกับ อดีตต้นสังกัด บีบีซียู ในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังของ ปี2016 แต่ด้วยการที่บุรีรัมย์มีการแข่งขันสูง แถมตำแหน่งที่เขาเล่นดันไปทับกับ โก ซุล กี ทำให้บทบาทจอมทัพตกไปที่กองกลางเกาหลีใต้เสียมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม เขายังอยู่กับทีมในฤดูกาล 2017 และมีโอกาสถูกส่งลงสนามบ้าง ในฐานะตัวสำรอง ซึ่งตัวของ "นาซซ่า" เอง ก็ต้องพิสูจน์ ตัวเองให้มากกว่านี้ก่อนจะหมดสัญญาลง , นฤพล พุฒซ้อน ลงสนามให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้ไป 3 นัด ยังยิงไม่ได้
เรียบเรียง โดย "พูห์มาร์ท"
ขอบคุณภาพ:buriramunited.com
เครดิต: สยามกีฬา
TPLShopping.com ศูนย์รวม ราคาเสื้อบอล และ เสื้อบอลไทย ยังมี เสื้อบอลไทยแท้ เสื้อบอลสโมสรฟุตบอลต่าง ๆ ของแท้ อัปเดต ทุกสโมสรฟุตบอลไทย เสื้อบอลไทย ทั้ง เหย้า เยือน ของแท้ เสื้อบอลไทย ที่เดียว ราคาเสื้อบอล ส่งตรงจากสโมสร
เสื้อบอลไทย รวมทุกสโมสร เมืองทองฯ ยูไนเต็ด,ชลบุรี เอฟซี,บุรีรัมย์-พีอีเอ,การท่าเรือไทย เอฟซี,บางกอกกล๊าส เอฟซี,พัทยา ยูไนเต็ด,โอสถสภา เอ็ม150-สระบุรี,ทีทีเอ็ม เอฟซี พิจิตร,เอสซีจี สมุทรสงคราม เอฟซี,บีอีซี เทโรศาสน,อินทรีเพื่อนตำรวจ,ทีโอที แคท เอฟซี,ราชนาวี ระยอง,ทหารบก,ศรีสะเกษ-เมืองไทย เอฟซี,แบงค็อก ยูไนเต็ด